เคยไหม? ปวดหนึบๆ บริเวณหลังและคอ จนทำให้พาลหงุดหงิดไปทั้งวัน
อาการ ปวดเมื่อยเรื้อรัง เกิดขึ้นได้กับคนหนุ่มสาวไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการใช้หลังไม่ถูกต้อง หรือมีการใช้กล้ามเนื้อมากเกินไปขณะปฏิบัติกิจวัตรประจำวันทั้งยืน เดิน นั่ง หรือแม้กระทั่งนอน
อาการปวดหนึบๆ นั้นอาจหายไปได้เอง เมื่อกล้ามเนื้อได้รับการผ่อนคลาย แต่! ใช่ว่าหายแล้วจะแล้วกัน การเดิน นอน นั่ง ยกของ ลากของ และสารพัดท่าทางไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้นในแต่ละวันจะคอยบั่นทอนสุขภาพกล้ามเนื้อให้อ่อนแอลงเรื่อยๆ โดยตัวคุณเองก็ไม่รู้ตัว และจะสำแดงเดชอีกครั้งเมื่อคุณมีอาการปวดเรื้อรัง หรือปวดเฉียบพลัน ก่อนอาการเหล่านี้จะสร้างปัญหาให้กับคุณ เรามีเคล็ดลับดีๆ มาฝากกันค่ะ
อาการ ปวดเมื่อยเรื้อรัง รักษาอย่างไรให้หายขาด?
อาการปวดหลัง ปวดคอ และการเจ็บปวดกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้ทั่วไปในปัจจุบัน โดยเฉพาะกับคนวัยทำงานในเมืองที่ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งทำงานในสำนักงานและขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อเกิดอาการผิดปกติของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ หลายคนเลือกที่จะบรรเทาความเจ็บปวดด้วยการพักร่างกาย นวดแก้อาการ หรือรับประทานยาแก้ปวดลดการอักเสบ เมื่ออาการทุเลาลงก็กลับไปดำเนินชีวิตในรูปแบบเดิม ทำให้อาการปวดย้อนกลับมาใหม่ นานวันเข้าก็กลายเป็นอาการเจ็บปวดเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาดและรบกวนคุณภาพชีวิตในหลายๆ ด้าน
ทั้งนี้ การรักษาภาวะความเจ็บปวดที่ดีที่สุดคือการแก้ไขที่ต้นเหตุของการเกิดอาการ นั่นคือการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการบำบัดฟื้นฟูอย่างตรงจุดให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเสียก่อน นี่จึงเป็นที่มาของการรักษาทางกายภาพบำบัดแนวใหม่สำหรับผู้ที่มีอาการผิดปกติของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อแบบเรื้อรัง
- ยกของ ประคองหลัง
ย่อเข่าลงให้ใกล้ของที่จะยกมากที่สุด จับสิ่งของนั้นให้มั่นคง เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องขณะยกของขึ้น ห้ามก้ม และบิดเอี้ยวขณะยก
- รถเข็น เซฟหลัง
ใช้รถเข็นช่วยในการเคลื่อนย้าย และหลีกเลี่ยงการก้มตัว แต่ให้ดันรถเข็นโดยใช้แรงจากกล้ามเนื้อขาและแขน พร้อมรักษาแนวของหลังให้ตรงขณะดันรถไปข้างหน้า
- หยิบของในที่สูง
เลี่ยงการเอื้อมหยิบของสุดปลายมือ ควรใช้เก้าอี้ช่วยเสริมความสูง และเขยิบเข้าไปให้ใกล้กับของที่จะหยิบมากที่สุด พร้อมกับเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องขณะยก
- นั่งสบาย คลายปวดหลัง
ควรเลือกนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิงรองรับแผ่นหลังทั้งหมด และมีความโค้งรองรับแนวของกระดูกสันหลังช่วงเอว หรือหาหมอนเล็กๆ มาหนุนหลัง ขณะทำงานควรเลื่อนเก้าอี้เข้าใกล้โต๊ะทำงานมากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการก้มตัว และเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ
ข้อควรระวัง : หากอาการปวดหลัง ปวดคอรุนแรงจนคุณทนไม่ไหว หรือไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้ หรือมีอาการปวดเรื้อรังนานกว่าหนึ่งเดือน น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว ปวดชาตามแขนหรือขา อาการอ่อนกำลังของกล้ามเนื้อ เหล่านี้เป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าอาจมีอาการร้ายแรงต่อกระดูกสันหลังเกิดขึ้น เช่น กล้ามเนื้อหลังอักเสบเรื้อรัง ภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน ภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังหรือกระดูกสันหลังเสื่อม เนื้องอกบริเวณกระดูกสันหลังและรากประสาท ภาวะติดเชื้อของกระดูกสันหลัง ดังนั้น เพื่อหยุดยั้งไม่ให้อาการลุกลามจนเกินแก้ไข คุณควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ เพียงเท่านี้ คุณก็จะมีสุขภาพหลังที่ดีไปอีกนาน

การรักษาแบบองค์รวมของอาการ ปวดเมื่อยเรื้อรัง
แนวคิดล่าสุดเกี่ยวกับการรักษาอาการเจ็บปวดด้วยวิธีกายภาพบำบัดเชื่อว่า ตำแหน่งหรือบริเวณที่ผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดนั้นมักไม่ใช่สาเหตุของความเจ็บปวดที่แท้จริง เช่น อาการเอ็นรัดข้อมืออักเสบกดทับเส้นประสาท (carpal tunnel syndrome) อาจเกิดจากความตึงของแขนทั้งหมดและต้องแก้ไขด้วยการยืดหัวไหล่ หรืออาการไหล่ติด ปวดหัวไหล่ อาจเกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อในมือที่ส่งผลต่อเนื่องมายังท่อนแขนส่วนล่าง ส่วนบน จนถึงหัวไหล่และลำตัว เนื่องจากกล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อ เอ็นกระดูก และเอ็นกล้ามเนื้อของคนเรานั้นทำงานเป็นระบบสอดประสานเชื่อมโยงกันอย่างสมดุล เพื่อให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหวทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นตำแหน่งหนึ่งก็ย่อมส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังตำแหน่งอื่นๆ และทำให้ร่างกายขาดความสมดุลได้
ดังนั้น การรักษาเฉพาะบริเวณที่เจ็บปวดจึงไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ผู้ป่วยหายขาดจากอาการผิดปกติได้อย่างยั่งยืน แต่ต้องเป็นการรักษาแบบองค์รวมโดยเน้นคืนความสมดุลให้กับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง เนื้อเยื่อดึงรั้ง หรือความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ

4 ขั้นตอน จัดการกับอาการ ปวดเมื่อยเรื้อรัง
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดเมื่อยเรื้อรัง การรักษาทางกายภาพบำบัดแนวใหม่ประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอนดังต่อไปนี้
- การตรวจประเมินเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการเจ็บปวด โดยนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจะตรวจประเมินท่าทางการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยอย่างละเอียด โดยสังเกตทิศทางการเคลื่อนไหวอวัยวะต่างๆ ของร่างกายผู้ป่วยว่าอยู่ในตำเหน่งที่ถูกต้องหรือไม่ สังเกตกลไกการขยับของข้อต่อและกล้ามเนื้อ ทดสอบสมรรถนะของกล้ามเนื้อและการออกแรงต้านเพื่อระบุตำแหน่งของกล้ามเนื้อที่เป็นปัญหาเพื่อการรักษาที่ชัดเจน แม่นยำ พร้อมทั้งให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับสภาพโครงสร้างของร่างกายและการทำงานของกล้ามเนื้อและกระดูกที่ถูกต้อง
- ใช้เครื่องมือที่ถูกต้องในการลดความเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นการคลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดโดยใช้ manual technique เช่น การนวดและยืดกล้ามเนื้อ (stretching) หรือใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดร่วมด้วย เช่น การบำบัดรักษาด้วยคลื่นความร้อนลึก อาทิ Ultrasound หรือ Short wave therapy ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการซึ่งแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย
- กำหนดและแนะนำรูปแบบการออกกำลังกายเฉพาะบุคคลโดยใช้เทคนิค Linkage Exercise ซึ่งเป็นท่าทางการออกกำลังกายที่ออกแบบมาเพื่อช่วยปรับแก้โครงสร้างของร่างกายในส่วนที่เป็นปัญหาอย่างแท้จริงเพื่อให้เกิดสมดุลและเป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ ภายใต้แนวคิดที่ต้องการให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปปฏิบัติได้ด้วยตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเดิมซ้ำอีกในอนาคต ทั้งนี้ผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้อุปกรณ์ร่วมด้วย เช่น ยางยืดออกกำลังกายหรือถุงทรายถ่วงน้ำหนัก
- ติดตามผลการรักษาเป็นระยะ โดยการตรวจร่างกายและทดสอบระบบการเคลื่อนไหวเพื่อเปรียบเทียบผลการรักษาในแต่ละครั้ง หากผู้ป่วยเริ่มเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นและอาการเจ็บปวดลดลง นักกายภาพบำบัดอาจพิจารณาปรับท่าหรือเพิ่มท่าออกกำลังกายเพื่อให้มั่นใจว่ากล้ามเนื้อต่างๆ ที่เป็นปัญหาได้รับการแก้ไขและกลับสู่สมดุล

กายภาพบำบัดแนวใหม่เหมาะกับใครบ้าง
การรักษาทางกายภาพบำบัดและเทคนิคการออกกำลังกายแบบ Linkage Exercise ช่วยให้ผู้ป่วยที่มีอาการดังต่อไปนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
- อาการผิดปกติของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น อาการปวดจากกล้ามเนื้อ กระดูก หรือกระดูกสันหลัง เช่น ปวดคอ ปวดหลัง อาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ อาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อ เอ็น ข้อเรื้อรัง ข้อเคล็ดขัดยอก และการอักเสบของข้อกระดูกและ/หรือเอ็นกล้ามเนื้อ เป็นต้น
- อาการบาดเจ็บเรื้อรังจากการเล่นกีฬา เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อระหว่างการเล่นกีฬานั้นๆ ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม ใช้งานซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง หรือมีการใช้งานกล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่งมากเกินไป
- อาการออฟฟิศซินโดรม ( office syndrome) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นกับคนทำงานในสำนักงาน เนื่องจากลักษณะงานที่ต้องนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ การทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยท่าทางซ้ำๆ รวมถึงการใช้สมาร์ทโฟนต่อเนื่องเป็นเวลานาน จนอาจส่งผลให้เกิดโรคและอาการผิดปกติในระบบต่างๆ ของร่างกาย อาทิ กล้ามเนื้อและเอ็นกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง ปวดหลังจากท่าทางผิดปกติ เอ็นรัดข้อมืออักเสบกดทับเส้นประสาท ความผิดปกติของความตึงตัวของเส้นประสาท กล้ามเนื้อบริเวณแขนท่อนล่างด้านนอกอักเสบ ปลอกหุ้มเอ็นกล้ามเนื้อบริเวณฐานนิ้วโป้งอักเสบ นิ้วล็อก และหลังยึดติดในท่าแอ่น
การรักษาอาการปวดเมื่อยเรื้อรังด้วยกายภาพบำบัดแนวใหม่ ไม่เพียงช่วยลดจำนวนครั้งและความถี่ในการทำกายภาพบำบัดที่คลินิกกายภาพบำบัดหรือที่โรงพยาบาลเท่านั้น แต่ยังเป็นการป้องกันอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งหมายถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของผู้ป่วยนั่นเอง



สมุนไพรคุณสัมฤทธิ์
เกี่ยวกับแบรนด์ สมุนไพรคุณสัมฤทธิ์ เราเป็นผู้ช่วยดูแลสุขภาพที่ผลิตสมุนไพรจากธรรมชาติ เพื่อทุกท่านที่กำลังประสบปัญหา และสนใจการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรไทย ที่ปลูกและควบคุมการผลิตอย่างพิพีพิถัน และจำหน่ายในราคาที่สามารถซื้อได้ง่าย เพื่อให้ทุกท่านได้นำสมุนไพรที่ดีไปใช้ดูแลตนเอง และคนที่คุณรัก
ทำไมต้องสมุนไพรคุณสัมฤทธิ์
- เราคิดค้นสูตรและควบคุมการผลิตด้วยเภสัชกรแผนไทยที่ผ่านการอบรมและมีความเชี่ยวชาญด้านยาสมุนไพรมากกว่า 10 ปี จึงทำให้ได้ตำรับยาสมุนไพรที่มีคุณภาพ
- เป็นสมุนไพรจากธรรมชาติไม่มีสารเคมีตกค้างในร่างกายหลังจากรับประทานต่อเนื่อง
- เราพิถีพิถันในการผลิต ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกสมุนไพรในตำรับ ต้องมีลำต้นที่สมบูรณ์ ไม่ใช้สารเคมีในการปลูก นำมาล้างและตากแห้งในโรงงานปิดที่สะอาดถูกสุขอนามัย ก่อนจะนำมาแปรรูปลงเม็ดแคปซูลด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย
- มีหลายสมุนไพรใน 1 แคปซูล ช่วยส่งเสริมคุณประโยชน์กันและกัน อีกทั้งยังช่วยให้ผลออกฤทธิ์ได้ดียิ่งขึ้นเมื่อทานต่อเนื่องทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
**สนใจสั่งได้ทางเพจ Inboxm.me/raksamsibkhunsumrit หรือตามร้านขายยาใกล้บ้านท่


